โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ประสบการณ์สุขภาพ โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่จะเล่าในต่อไปนี้ อาจทำให้หลายท่านนึกแย้งอยู่ในใจว่า ใครกันเล่าจะอยากผูกมิตรกับมะเร็ง แต่เพราะชีวิตคนเราไม่ได้มีทางเลือกเสมอไป เมื่อโรคร้ายเกิดขึ้นในร่างกายแล้ว การอยู่กับมันอย่างเข้าอกเข้าใจ และไม่ย่อท้อยอมแพ้ จึงเป็นสิ่งที่ควรตระหนักมิใช่หรือ…
คุณเบลล่า-ศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ หญิงสาววัยเพียง 29 ปี ยอมรับความจริงนั้นโดยดุษฎี เมื่อครั้งหนึ่งเธอเคยใช้ชีวิตร่วมกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย แถมโชคร้ายกลายเป็นหนึ่งในล้านที่มีก้อนเนื้อมะเร็งในห้องหัวใจ แต่เพราะพลังแห่งการคิดบวกจึงทำให้ “นางสาวร่าเริง” คนนี้ยังคงมีรอยยิ้มสดใสได้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
Work Hard Play Hard นี่แหละ…เบลล่า
หากย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน คุณเบลล่าคือนักศึกษาปริญญาโทอนาคตไกล ที่กำลังศึกษาอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ นอกจากเธอจะทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนอย่างหนักแล้ว ยังใช้ชีวิตวัยสาวอย่างสุดเหวี่ยง ทั้งตะลอนเที่ยวไปทั่วยุโรป และทำงานที่ร้านอาหารอีก 2 ร้าน จนเหลือเวลานอนแค่วันละ 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น
คุณเบลล่าให้นิยามสั้นๆ ว่า นี่คือการ “ใช้ชีวิตแบบไม่แคร์ร่าง” จนกระทั่งเป็นสาเหตุให้ความเจ็บป่วยถามหา
“เบลล์เริ่มมีอาการไอ ในใจคิดว่าเป็นเพราะอากาศลูกผีลูกคนแบบเมืองผู้ดีอังกฤษที่เดิน 3 ก้าวฝนตก เดิน 5 ก้าวลมมา เดินอีก 8 ก้าวแดดออก แต่นานเข้ากลับไอหนักขึ้นเรื่อยๆมีไข้ต่ำๆ อัดยาปฎิชีวนะหลายชุดก็ไม่หาย น้ำหนักลด ผมร่วง ประจำเดือนไม่มา และเป็นลมสภาพร่างกายเริ่มไม่ไหว”
แม้จะไม่เป็นกังวลกับอาการผิดปกติของตัวเองมากนัก แต่เพราะเป็นห่วงการเรียนที่ใกล้จบเต็มทีแล้ว คุณเบลล่าจึงตัดสินใจกลับมารักษาตัวที่เมืองไทย
แต่ใครจะรู้ว่า นั่นคือการนั่งเครื่องบินครั้งสุดท้าย และเธอก็ไม่ได้กลับไปที่ประเทศอังกฤษอีกเลย
คลิกเลข 2 เพื่ออ่านหน้าถัดไป
ผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
พ่วงตำแหน่งมะเร็งในหัวใจ
เมื่อคุณหมอตรวจร่างกายและเอ๊กซเรย์อย่างละเอียดก็พบว่ามีก้อนเนื้อขนาดใหญ่ประมาณ 9 เซนติเมตรที่บริเวณขั้วปอดของเธอ และหลังจากนั้นคำวินิจฉัยโรคที่ไม่มีใครอยากได้ยินก็ดังขึ้น
“ประโยคแรกที่คุณหมอพูดออกมาคือ ‘น่าจะเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสาม’ เราไม่ได้ช็อคที่หมอพูดแต่อึ้งที่ป๊าถามกลับทันทีว่า ‘แล้วคนไข้อยู่ได้อีกนานเท่าไหร่’ ซึ่งหมอตอบว่า ‘คิดว่า 6 เดือน ครับ’”
แม้เรื่องราวจะชวนบีบคั้นอารมณ์ แต่สาวน้อยคนนี้ยังคงเล่าด้วยน้ำเสียงสดใสว่า ในเวลานั้น สิ่งที่ทำให้เธอเครียดและกังวลที่สุดไม่ใช่การเป็นมะเร็ง ไม่ใช่คนที่รู้ตัวว่าใกล้ตายไม่ใช่การกลัวตาย แต่กลับกลัวไม่ได้ทำสิ่งที่อยากทำ และกลัวคนข้างหลังมีภาระมากกว่า
“เบลล์เขียนทุกอย่างใส่กระดาษทั้งรหัสบัญชีเอทีเ
อ็มอีเมลเลขที่ห้องพักคล้ายๆ ลายแทง พิกัดต่างๆ พินัยกรรมถ้าเป็นอะไรไปคนข้างหลังจะได้เคลียร์เรื่องง่ายขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดมากกว่าสมบัตินอกกาย คือ สติเราจะมาร้องไห้มาอ่อนแอตอนนี้ไม่ได้ ต้องเข้มแข็งเพื่อคนในครอบครัว เชื่อว่าต้องรักษาได้และเราต้องผ่านมันไปได้”
เพราะแรงใจเต็มเปี่ยมคุณเบลล่าจึงผ่านเส้นทางการรักษาสุดทรหดมาได้ ทั้งการรับยาเคมีบำบัด 12 ครั้ง ฉายแสง 18 ครั้ง กระทั่งอาการเริ่มดีขึ้น แต่จนแล้วจนรอดเชื้อมะเร็งร้ายก็ยังไม่ยอมลามือง่ายๆ
“ผ่านไปแค่4-5 เดือน คุณหมอก็พบว่าเชื้อมะเร็งลามเข้าสู่หัวใจ มีก้อนเนื้อขนาด 4 เซนติเมตรไปอุดอยู่ที่หัวใจห้องล่างขวาจำเป็นต้องผ่าตัดด่วน ที่น่าตกใจกว่าคือทั่วโลกพบโรคนี้เพียง 1เปอร์เซ็นต์เท่านั้น อัตราการรอดชีวิต จากผู้ป่วย 10 คน รอด 3 คน และยังไม่พบผู้ป่วยคนไทยที่รอดชีวิตอีกต่างหาก ดูสิ…เบลล์หาเพื่อนไม่เจอเล๊ย”
คุณเบลล่าเรียกเสียงหัวเราะครืนจากทีมงาน ก่อนจะเข้าสู่ซีนอารมณ์ต่อว่าการรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ลามเข้าไปในหัวใจนั้น ทำได้โดยการปลูกถ่ายไขกระดูกด้วยสเต็มเซลล์ของตัวผู้ป่วยเอง ซึ่งการรับคีโมทำให้ไขกระดูกเธอบอบช้ำอย่างหนัก จึงไม่สามารถเก็บสเต็มเซลล์ได้เพียงพอ แถมโอกาสหาสเต็มเซลล์จากผู้บริจาค ซึ่งอัตราการแมตช์ตรงกันเพียงแค่ 1 ต่อ 50,000 เท่านั้น แม้แต่จากญาติด้วยกัน ก็ยังไม่พบเนื้อเยื่อที่ตรงกัน แต่เธอก็สู้ไม่ถอย
“เบลล์ตัดสินใจเป็นไงเป็นกัน ขอเป็นเคสศึกษาของคุณหมอ อยากลองยาอะไร ลองได้เลย ชีวิตที่เหลืออยู่ขอให้เพื่อการศึกษาของโรงเรียนแพทย์ คุณหมอก็เลยจัดเต็ม คิดค้นสูตรยาพิเศษขึ้นโดยเอายาชนิดนั้นผสมกับยาชนิดนี้อย่างสนุกสนาน (หัวเราะ) ปรากฏว่าได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้โรคสงบลงได้ทั้งคุณหมอและเราก็ดีใจมาก”
ปัจจุบัน เป็นเรื่องน่ายินดี ที่ก้อนเนื้อในหัวใจของเธอหายไปคุณเบลล่าจึงถือเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งหัวใจรายแรกของประเทศไทยที่โรคสงบได้
ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต
ติดตามเคล็ดลับของคุณเบลล่าได้ที่
ขอบคุณสถานที่
ร้าน Cafe Velodome
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซอยพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทร. 0-2623-6340
