วิธีที่ 4 จิบชาขิง ยามอากาศเปลี่ยน แก้ปวดไมเกรน
รายงานวิจัยจาก The New England Center For Headache พบว่า ผู้ป่วยโรคไมเกรนจำนวน 62 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่าอากาศมีผลทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อย้อนกลับไปดูประวัติการเจ็บป่วยจากอาการปวดศีรษะและข้อมูลเกี่ยวกับอากาศ พบว่า ผู้ป่วยจำนวน 51 เปอร์เซ็นต์ มีสภาพอากาศเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดไมเกรนอีกด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้แล้วช่วงเปลี่ยนฤดูกาลเปลี่ยนก็ส่งผลให้อาการปวดไมเกรนกำเริบได้อีกเช่นกัน คุณพอลลา ฟอร์ด-มาร์ติน (Paula Ford-Martin) อธิบายว่า โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นช่วงที่ผู้ป่วยโรคไมเกรนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมากที่สุด เพราะฝุ่น ละอองเกสร เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดไมเกรน
ฤดูร้อนก็เช่นกัน เพราะความร้อน แสงสว่างจากดวงอาทิตย์นั้นยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดไมเกรนได้ โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคไมเกรนชนิดที่เห็นแสงวูบวาบแล้วมีอาการกำเริบจึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
แพทย์แผนไทยอธิบายว่า สำหรับช่วงเปลี่ยนฤดูนั้นจะส่งผลให้ธาตุเจ้าเรือนและธาตุทั้ง 4 ในร่างการเกิดการปรับตัวเพื่อเปลี่ยนแปลงสมดุลของร่างกายให้เป็นปกติ ดังนั้น ถ้าใครอ่อนแอหรือมีความเจ็บป่วยหรือมีธาตุหย่อนก็จะส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้
ดังนั้น การกินขิงหรือจิบชาขิง จะสามารถช่วยปรับสมดุลในร่างกายได้ในระดับหนึ่ง เพราะขิงไม่มีรสร้อนมากจนเกินไป มีความอุ่นๆอยู่ในตัว จึงสามารถช่วยปรับระบบการไหลเวียนเลือด
อีกทั้งขิงมีสรรพคุณ แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ซึ่งอาการดังกล่าวมักพบว่าเป็นอาการนำก่อนที่จะมีอาการปวดไมเกรน นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่า ขิงมีฤทธิ์ลดการสร้างสารพรอสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ที่ทำให้ปวดและอักเสบอีกด้วย
วิธีกิน ชง ดื่ม ปริมาณ 10 กรัม กับน้ำร้อน หรือกินชนิดแคปซูลขนาด 250 มิลลิกรัม เช้า เย็นหรือก่อนนอน หรือเมื่อมีอาการ
ฮอร์โมนเอสโทรเจน VS ปวดไมเกรน
ผู้หญิงมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ มีอาการปวดไมเกรนจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเอสโทรเจน และรอบประจำเดือน คุณ พอลลา ฟอร์ด-มาร์ติน (Paula Ford-Martin) อธิบายว่า ฮอร์โมนเอสโทรเจนมีผลต่อสมองและสามารถทำให้ระดับสารสื่อประสาทเซโรโทนินเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน จึงไม่แปลกที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดไมเกรนกำเริบได้
ดังนั้น เมื่อถึงช่วงเวลาที่ฮอร์โมนเอสโทรเจนสูงขึ้น ผู้หญิงส่วนมากที่เป็นโรคไมเกรนจะมีอาการไข้ต่ำๆระหว่างมีรอบประจำเดือน