วิธีที่ 3 หลีกเลี่ยงอาหาร/สารปรุงแต่ แก้ปวดไมเกรน
มีอาหารและสารปรุงแต่งในอาหารหลายชนิดที่มีผลทำให้เป็นโรคไมเกรน หรือเป็นตัวกระตุ้นทำให้อาการไมเกรนกำเริบได้ โดยจะไปกระตุ้นสารเคมีในร่างกาย ส่งผลให้อารมณ์เปลี่ยนแปลง กลายเป็นตัวการทำให้อาการปวดศีรษะกำเริบ
ซึ่งคุณ พอลลา ฟอร์ด-มาร์ติน (Paula Ford-Martin) ได้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังต่อไปนี้
1.สารปรุงแต่งในอาหาร
- ผงชูรส หรือ โมโนโซเดียม กลูตาเมท อาหารแทบทุกชนิดมักจะมีการเติมผงชูรสเข้าไปเพื่อเพิ่มความอร่อยในอาหาร เช่น มันฝรั่งทอด ซอส ซุป ขนมกรุบกรอบ อาหารฟาสต์ฟู้ด
นักวิจัยเชื่อว่า สารโมโนโซเดียม กลูตาเมท ทำให้สารสื่อประสาทซีโรโทนินในสมองเกิดการเปลี่ยนแปลง และมีรายงานวิจัยพบว่า หนูทดลองที่ได้กินอาหารที่มีผงชูรส จะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และเป็นโรคอ้วน ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือดจึงมีผลกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะนั่นเอง
อาหารทางเลือก ผงนัว ผักเชียงดา ผักหวาน
- สีเติมแต่งอาหาร พบว่าในบางครั้งการเติมแต่งสีในอาหาร ก็เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดไมเกรนมากกว่าการเติมรสชาติด้วยซ้ำ เช่น สาร FD&C yellow #5 หรือเรียกว่า ทาร์ทราซีน ดาย (Tartrazine Dye) เป็นสีสังเคราะห์ให้สีเหลืองมะนาว สามารถพบได้ในเครื่องดื่ม และลูกกวาด
อาหารทางเลือก แก้ปวดไมเกรน สีธรรมชาติที่ให้สีเลือง เช่น ขมิ้น อ้อย ดอกโสน ฟักทอง ดอกคำฝอย และดอกกรรณิการ์
- น้ำตาลและสารให้ความหวาน โดยปกติแล้วเมื่อเรากินน้ำตาล จะส่งผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น เป็นตัวกระตุ้นให้อาการไมเกรนกำเริบ แต่อย่างไรก็ตามภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือไฮโปไกลซีเมีย ก็อาจส่งผลให้เกิดอาการไมเกรนได้เช่นกัน โดยเฉพาะในเด็ก วัยรุ่น และคนทั่วไป
ดังนั้น ควรระวังการกินน้ำตาลที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไปจนทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง องค์การอนามัยโลก ระบุว่า ไม่ควรกินน้ำตาล(หมายถึงน้ำตาลที่เติมเพิ่มในอาหาร) เกินร้อยละ 5 ของพลังงานที่ได้รับต่อวัน หรือเท่ากับ วันละ 6 ช้อนชา หรือ 25 กรัม
- แอสปาร์แตม คือ สารเคมีที่ให้ความหวานมักเจือแต่งเข้าไปในอาหาร เกิดจากการ
รวมตัวกันของกรดอะมิโน 2 ชนิด คือ แอสปาร์ติค และฟีนิลอะลานีน ถูกใส่ในอาหารที่ระบุว่า ปราศจากน้ำตาล (Sugar- Free) อาหารแคลอรีต่ำ (Low-Calorie) และเครื่องดื่มต่างๆ
จากหลายรายงานการวิจัย ระบุว่า สารแอสปาร์แตมทำให้ระดับของสารสื่อประสาทเซโร
โทนินในร่างกายลดลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรน และทำให้เกิดอาการปวดศีรษะนั่นเอง
อาหารทางเลือก แก้ปวดไมเกรน : หญ้าหวาน ชะเอมเทศ
2. อาหารและผักผลไม้
- ช็อกโกแล็ต คุณพอลลา ฟอร์ด-มาร์ติน (Paula Ford-Martin) ระบุว่าถึงแม้ว่ามีงานวิจัย
มากมายมีผลที่ขัดแย้งกันว่า ช็อกโกแล็ตเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดไมเกรนนั้น แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีผู้ป่วยโรคไมเกรนยังมีความกังวลในการกินช็อกโกแลตเป็นอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ เพราะช็อกโกแลตมีสารฟีนิลเอททิลเอมีน (Phenylethylamine) และสารฮิสตามีน ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับการเกิดอาการไมเกรน
อาหารทางเลือก แก้ปวดไมเกรน : แครอบ พืชตระกูลถั่ว มีรสชาติคล้ายโกโก้ แต่ไม่มีคาเฟอีน และไม่มีสารฟีนิลเอททิลเอมีนที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรน แถมยังอุดมด้วยสารแอนติออกซแดนท์ วิตามินเอ บี และดี และแคลเซียม โพแทสเซียม และแมกนีเซียม
- ผักและผลไม้ มีสารธรรมชาติบางชนิดที่ส่งผลกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรนได้ เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม ที่มีสารไทรามีน (Tyramine) กล้วยหอม มีสารฮิสตามีน และไทรามีน รวมไปถึงอโวคาโดและผักโขมด้วยเช่นกัน ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดไมเกรนได้
อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากอาหารในข้างต้นแล้วยังรวมไปถึง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ และโยเกิร์ต ยังส่งผลกระตุ้นให้อาการปวดไมเกรนกำเริบอีกด้วย
EASY TRICKS แก้ปวดไมเกรน
- ก่อนซื้ออาหารหรือผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มทุกชนิด ควรอ่านฉลากให้ถี่ถ้วนเพื่อเป็นการเช็กสารอาหารและสารเติมแต่งในอาหาร
- เลือกร้านอาหารที่ไว้ใจได้ หรือมีป้ายระบุไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ใช้ผงชูรส หรือร้านอาหารที่เป็นออร์แกนิก