ปัจจัยที่ทำให้การลดน้ำหนักไม่ได้ผล
มีหลายคนที่ประสบปัญหาลดน้ำหนักได้แค่ชั่วคราวแล้วก็กลับมาอ้วนอีกแถมน้ำหนักพุ่งสูงกว่าเดิม หรือที่เรียกว่าโยโย่เอฟเฟ็กต์ ซึ่งเกิดขึ้นได้อย่างไรนั้นหมอมีคำอธิบายค่ะ
เมื่อเรากินตามปกติ อัตราการเผาผลาญจะอยู่ในระดับปกติเหมือนเดิมทุกวันๆ แต่หากเราลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร หรือกินอาหารน้อยมาก ร่างกายจะเริ่มปรับลดอัตราการเผาผลาญลงให้สอดคล้องกับปริมาณอาหาร
แม้วิธีนี้จะช่วยให้น้ำหนักลดได้จริง แต่เมื่อใดที่เราพอใจกับตัวเลขบนตาชั่งแล้วกลับไปกินตามปกติ ร่างกายจะไม่สามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้อย่างทันทีทันใดเหมือนการเอาอาหารเข้าปาก จึงมีอัตราการเผาผลาญน้อยเหมือนตอนที่อดอาหาร ผลก็คือ กลับมาอ้วน เพราะพลังงานเหลือเก็บจากการเผาผลาญไม่หมดนั่นเอง
กินเท่าเดิม เพิ่มเติมคือคุณค่า
ด้วยเหตุนี้หมอจึงอยากให้ใครที่กำลังลดน้ำหนักด้วยวิธีอดอาหารแบบผิดๆ อยู่หันมากินในปริมาณเท่าเดิม แต่เข้มงวดกับการเลือกสิ่งที่อยู่ในจานให้มากขึ้น ดังนี้
จากที่เคยกินผลไม้รสหวาน ให้เปลี่ยนมากินผลไม้รสไม่หวาน มีใยอาหารสูง เช่น ฝรั่ง ชมพู่ แอ๊ปเปิ้ลเขียว เปลี่ยนจากการกินข้าวขาว ขนมปังขาวเป็นข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีตที่มีใยอาหารสูง กินโปรตีนจากถั่วต่างๆ อย่างดอาหารประเภทโปรตีน ที่สำคัญคือ กินผักให้มากขึ้น
เนื่องจากใยอาหารในผัก นอกจากจะทำให้อิ่มนาน ยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้ช้าลง ไม่นำพลังงานจากอาหารที่กินเข้าไปไปใช้อย่างรวดเร็วจนเหลือสะสมเป็นไขมันส่วนเกินต่างๆ แต่หากใครที่ไม่ชินกับการกินผักเยอะๆ คือกินแล้วท้องอืด ก็ควรเริ่มจากกินผักสดครึ่งหนึ่ง ผักสุกครึ่งหนึ่ง จะช่วยให้สบายท้องขึ้นค่ะ
BURN FASTER
ควรหันมาออกกำลังกายประเภทเวตเทรนนิ่งเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ เพราะเมื่อร่างกายมีกล้ามเนื้อจะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้กระทั่งขณะนอนหลับ
มีคำถามว่า ออกกำลังกายอย่างเดียวได้ไหม หยุดกินของมันของทอดไม่ได้ ลองคิดดูนะคะ สมมุติว่าการออกกำลังกายให้ได้ประสิทธิภาพนั้นจำเป็นต้องมีอาหารเป็นตัวตั้งต้น แน่นอนว่าถ้าเรากินอาหารที่ดีตัวเลขตั้งต้นของเราก็จะมาก
แต่ถ้าเราไม่ปรับอาหาร เอาแต่ออกกำลังกายอย่างเดียวเพื่อลดความอ้วน ก็เท่ากับตัวตั้งต้นเป็น 0 และเมื่อเป็นเลข 0 คูณกับอะไรก็ไม่ได้ผล จริงไหมคะ
จาก คอลัมน์กินเป็น ลืมป่วย นิตยสารชีวจิต ฉบับ 450
บทความน่าสนใจอื่นๆ
เห็ดเข็มทอง สูตรเด็ดลดความอ้วน
ลดความอ้วนด้วยอาหาร ทำตามเลย ง่าย อย่าช้า