แก้ โรคกรดไหลย้อน
เช็กอาการโรคไอบีเอส (IBS) หรือ โรคกรดไหลย้อน ไปเรียบร้อยแล้ว ปักษ์นี้กูรูต้นตำรับชีวจิตชวนมาหาสาเหตุ ซึ่งถ้าจะว่าไปก็โดนใจใครหลายคน ยิ่งเครียดเรื่องงานก็ยิ่งมีอาการ และเมื่อยิ่งมีอาการก็ยิ่งกังวล ประกอบกับงานที่ย่อท้อไม่ได้ด้วยแล้ว…โอ๊ย!
ปักษ์นี้ขอต่อเรื่อง IBS ที่เขียนค้างไว้ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งครับว่า IBS ขณะนี้ กำลังเป็นโรคฮิตของคนทำงานออฟฟิศวัยหนุ่มๆ สาวๆ
อธิบายยากหน่อยนะครับว่า คนทำงานออฟฟิศวัยหนุ่มๆ สาวๆ เป็นอย่างไร
ขณะนี้หนุ่มสาวที่จบมหาวิทยาลัยจะนิยมเข้าทำงานตามบริษัทห้างร้านหรือทำงานเอกชนกันเป็นจำนวนมาก เพราะเงินเดือนดีกว่า เงินโบนัสดีกว่า และความมั่นคงก็คงจะดีกว่ามากด้วย
หนุ่มสาวเหล่านี้เท่าที่เห็นต้องทำงานหนัก บางคนแทบจะไม่มีวันหยุด ต้องเอางานไปทำต่อที่บ้าน ที่หนักที่สุดเห็นบ่นกันว่า “ต้องทำงานให้ได้ตามเป้าที่วางไว้”
“เป้า” นี่แหละครับที่ทำให้คนทำงานต้อง “น็อก” หรือล้มไปหลายคนแล้ว ครั้งหนึ่งเคยมี รัฐมนตรีหนุ่ม (ใหญ่) ไฟแรงคนหนึ่งกำลังจะไปปาฐกถาเรื่องเศรษฐกิจยังไม่ทันจะได้พูดเลย ก็เป็นลมล้มลงไปแล้ว
นั่นแหละคือการน็อก เห็นแพทย์ที่ดูแลอธิบายว่า ไม่มีอะไรมาก ทำงานมากเกินไป ทำจนดึกจนดื่นไม่ได้พัก อาหารไม่ค่อยได้กิน เลยเป็นโรควูบ นั่นแหละครับ เป็นตัวอย่างของคนรุ่นใหม่สมัยนี้
ลูกหลานของเพื่อนใกล้ชิดคนหนึ่งเรียนจบใหม่ๆ คงจะเป็นคนเก่งมากไปสัมภาษณ์เข้าทำงานกับบริษัทใหญ่ครั้งเดียวเขารับไว้เลย ให้เงินเดือนตั้งต้นที่สี่หมื่นห้า
นั่นแหละครับคือการตั้งต้นของ “เป้า” ละ และก็คงเป็นการตั้งต้นของ IBS ด้วย
ท่านที่ไม่ได้อ่าน IBS ซึ่งเป็นโรคหนึ่งเกี่ยวแก่ท้อง - ท้อง - ท้อง เมื่อปักษ์ที่แล้ว ขอพูดซ้ำสั้นๆ นิดหนึ่งครับว่า IBS คือการปวดท้องชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อไปหาหมอมักจะหาสาเหตุไม่ได้
เมื่อหาสาเหตุไม่ได้ ท่านก็จะบอกว่าเป็นโรคของอาการรวม หมายความว่า เป็นอาการของหลายๆโรคมารวมกัน ท่านจึงเรียกอาการรวมเหล่านี้เป็น SYNDROME ชื่อเต็มๆ คือ IRRITABLE BOWEL
SYNDROME หรือเรียกย่อๆ ว่า IBS
แพทย์ระดับอาจารย์ผู้หนึ่งซึ่งมีชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยว-ชาญเรื่องโรค IBS คือ ศาสตราจารย์ นายแพทย์
ดักลาส ดรอสส์แมน หัวหน้าฝ่ายโรคช่องท้อง (และทำหน้าที่เป็นจิตแพทย์ด้วย) แห่งมหาวิทยาลัยแพทย์
ชาเปล ฮิลส์ แห่งมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา
อาจารย์ดรอสส์แมนกล่าวยืนยันว่า “มีการเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอนระหว่างความเครียดกับ
โรค IBS”
คุณจะต้องแก้ไขให้ได้ อาจารย์ดรอสส์แมนกล่าวต่อ “เมื่อคุณรู้ว่าคุณป่วยเป็น IBS คุณจะต้อง
ไม่กังวลว่า เอ ฉันป่วยเป็นอะไรกันแน่ เพราะถ้าคุณกังวล โรคหรืออาการป่วยของคุณจะหมุนเวียนเป็น
วงกลม (VICIOUS CYCLE) คุณจะไม่มีวันหายป่วย”
ขออธิบายต่อสักนิดครับว่า “หมุนเวียนเป็นวงกลม” หมายความว่าอะไร
เมื่อคุณเครียด - กังวล (อย่างเช่นเริ่มทำงานก็ตั้งเป้าไว้ว่าต้องให้ได้เป้า) คุณก็จะเริ่มมีอาการปวดท้องพอหมอบอกกับคุณว่า คุณเป็นโรค IBS คุณก็กังวลขึ้นมาอีกว่า IBS นี่มันร้ายแรงขนาดไหนและมันจะหายไหม
นี่แหละครับ “หมุนเวียนเป็นวงกลม” เครียดเรื่องงานทำให้ปวดท้อง หมอบอกว่าปวดท้องเป็น
IBS ก็เครียดกังวลมากขึ้นไปอีก พอเครียดมากขึ้นก็ปวดท้องมากขึ้น วนเวียนไปมาไม่มีวันหาย
อาจารย์ดอนนา โคปแลนด์ คู่หู หรือพูดกันอีกอย่างหนึ่งคือผู้ช่วยมือขวาของอาจารย์ดรอสส์แมน
แต่ได้แยกตัวไปทำคลินิกส่วนตัว ไม่ใช่แพทย์ แต่เป็นนักจิตวิทยา ได้เคยแนะนำแก่ผู้ป่วยเป็น IBS ไว้ว่า
เมื่อรู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรงเพราะ IBS แรกทีเดียวขอให้หยุดสิ่งที่กำลังทำไว้ก่อน เช่น กำลังพิมพ์หรือรวบรวมข้อมูลในคอมพิวเตอร์ส่วนตัว แล้วเกิดปวดท้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน ขอให้ลองทำดังนี้
-
หยุดงานที่ทำ
2. อยู่เฉยๆ เงียบๆ ทำตัวให้ผ่อนคลาย นั่งสบายๆ
- แล้วให้นึกถึงสิ่งที่เคยชอบมากที่สุดเวลาไปพักผ่อน เช่น ชอบอยู่ชายทะเล เฝ้ามองดูพระอาทิตย์ตก ก็ให้นึกถึงภาพตอนนั้น ถอนหายใจแรงๆ แล้วทำตัวให้ผ่อนคลายมากที่สุด
3. ถ้ามีโอกาสทำอย่างอื่น
- เช่น เปลี่ยนอิริยาบถหรือเดินออกไปนอกออฟฟิศ ก็ให้เดินไปที่โล่งๆ เดินช้าๆ หายใจอากาศบริสุทธิ์ หรือถ้ามีห้องน้ำ ให้ลองนอนแช่น้ำอุ่น หรือไปหาเพื่อนคุยสักพัก เหล่านี้เป็นต้น
ทั้งหมดนี้เป็นการแก้แบบฝรั่ง แต่ถ้าเป็นของไทยเรา สำคัญที่สุดอยู่ที่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกกังวล เครียดร่างกายเขม็งเกร็งแข็งปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว ให้หยุดทำงานนั้นสักพัก แล้วทำตัวให้ผ่อนคลาย เบาสบาย
เพราะอะไรจึงให้ทำอย่างนั้น ก็เพราะความเครียดเป็นตัวสำคัญทำให้เกิดโรคหลายๆ โรคเกี่ยวกับท้อง - ท้อง - ท้อง
นี่เป็นวิธีหนึ่งที่จะแก้โรคท้อง - ท้อง - ท้อง
ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 322
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
