เชอร์รี่

เชอร์รี่ แก้เมื่อยล้า ของดีสำหรับนักเดินทาง

เชอร์รี่ แสนหวาน

พญ.ดวงรัตน์ เชี่ยวชาญวิทย์ คอลัมนิสต์ของนิตยสารชีวจิต ได้มาบอกเล่าถึงประสบกรณ์ของ เชอร์รี่ ที่สามารถแก้อาการเมื่อยล้าจากการเดินทางค่ะ ไปฟังกันเลยย …..  ฉันได้เดินทางไปเที่ยวในโตเกียว โดยลักษณะแบกเป้เที่ยว ซึ่งการเที่ยวลักษณะนี้ต้องเดินเท้าตลอดเวลา  แค่วันแรกก็แทบสลบกันทั้งก๊วน  แต่เพราะตั้งใจมาเที่ยวด้วยกันหลังจากที่หายหน้าหายตากันไปร่วม 30 ปี จึงไม่มีความย่อท้อใดๆ  คืนนั้นเราได้นอนกันแค่ 3 ชั่วโมง เพราะต้องรีบตื่นมาอาบน้ำและเช็คเอาท์จากโรงแรม

แต่กลับเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เมื่อเดินไปเคาะห้องของเพื่อนผู้ชายเพื่อเดินทางออกจากโรงแรม ปรากฏว่ายังไม่มีใครตื่น  พวกเขาขอเวลา 10 นาที  ในใจก็คิดว่าคงไม่ทันแล้ว ได้แต่นั่งรออยู่ข้างล่างอย่างกระวนกระวาย  โดยเฉพาะเพื่อนหญิงของผู้เขียน ซึ่งเป็นคนคุมเวลาและตารางเที่ยวทั้งหมด  สังเกตเห็นว่าเพื่อนดูเครียดมาก  และแล้วเพื่อนผู้ชายทั้ง 3 คนก็ลงมา พวกเราจึงเดินแบบแทบจะวิ่งเลยค่ะ  ในส่วนของผู้เขียนนั้นเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม  โอ้โหหัวใจจะวาย  เพราะต้องลากกระเป๋าด้วย  ไล่กวดเพื่อนๆ ไปด้วย สุดท้ายก็ทันแบบฉิวเฉียด  ขึ้นไปนั่งหอบบนรถไฟ ฮ่าๆ ตามแผนคือจะแวะซื้ออาหารไปนั่งกินบนรถไฟ  แต่ซื้อไม่ทันค่ะ  เราจึงค้นเสบียงที่ติดตัวมา พอจะมีขนมกินรองท้อง

บนรถมีพนักงานเดินขายอาหาร  เลยลองซื้ออาหารแบบเบนโตะ (อาหารปิ่นโต)  พอลองกินดู ความรู้สึกตรงนี้  ท่านผู้อ่านก็คงทราบอยู่แล้ว เพราะปกติไม่ปลื้มอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว  กินไป 1-2 คำก็หยุด ให้เพื่อนจัดการต่อ

เรานั่งรถไฟความเร็วสูง (Shinkansen)  ไปเมืองฮาโกะดาเตะ (Hakodate)  ซึ่งผู้เขียนเป็นคนเสนอเอง เพราะจะได้ดูวิวและบ้านเมือง  ที่สำคัญรถไฟความเร็วสูงเส้นทางไปฮอกไกโดนั้นเพิ่งจะเปิดวิ่ง  และน่าลอง ใช้เวลาอยู่บนรถไฟ 4 ชั่วโมงกว่า นานมากค่ะ  ระหว่างทางแทบไม่ได้ดูวิวหรอก  หลับกันทุกคน  ก็มันเพลียมากๆๆ ฮ่าๆ

คลิกเพื่ออ่านหน้าถัดไป

เมื่อถึงเมืองฮาโกะดาเตะ เราก็ลากกระเป๋าไปโรงแรม  โชคดีที่อากาศไม่ร้อน วิวข้างทางสวยงามเพราะบ้านแต่ละหลังจะปลูกดอกไม้รับฤดูร้อนไว้ เมื่อเห็นดอกไม้ก็แวะถ่ายรูปกัน  เพลิดเพลิน  จนถึงโรงแรมไม่รู้ตัว

เมื่อฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมได้ ก็ถึงเวลาหาของกิน ตอนนั้นหิวจนตาลาย  เพื่อนเลยพาไปกินสิ่งที่ตั้งใจจะมากิน  ก็คือข้าวหน้าไข่หอยเม่น (ความจริงคือลูกอัณฑะหรือรังไข่หอยเม่น) หน้าปู ปลา หอย กุ้งสด  สดๆ ทั้งนั้น  สดจริงค่ะ  แต่ผู้เขียนตั้งใจแล้วว่ามาครั้งนี้จะลองทุกอย่างเพื่อไม่ให้เป็นภาระของเพื่อนๆ  และด้วยความที่หิว  กินได้ค่ะ กลั้นใจกลืน  ไม่คิดว่ามันคือของสด  รอดตายไป 1 มื้อ

หลังจากนั้น  เราเดินไปหาซื้อขนมเพื่อนำไปกินกับชา กาแฟ  ของฟรีที่โรงแรม  เพราะเพื่อนผู้ชายบอกว่า ตั้งแต่มาถึงญี่ปุ่นยังไม่ได้นั่งพักเลย  เลยคิดไปนั่งจิบชากาแฟที่โรงแรม  ระหว่างนั้นเห็นรถจักรยานให้เช่าของโรงแรมจอดอยู่จึงไปถามราคา ปรากฏว่าฟรี 4 ชั่วโมงแรก  ว้าว เลยปิ๊งไอเดียปั่นจักรยานเที่ยวรอบเมือง  ผู้เขียนนี่พากันฟินนาเร่เลยค่ะ ไม่คาดคิดว่าจะได้มาปั่นจักรยานที่ญี่ปุ่น  อากาศดี รถไม่มาก  ปั่นสนุกทีเดียว

พวกเราพากันปั่นเที่ยวรอบเมืองพอใกล้ 4 ชั่วโมงเอามาคืน และผู้เขียนกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนก็ไปเจรจาขอเพิ่มเวลาอีก 4 ชั่วโมงฟรี เพื่อปั่นเที่ยวรอบกลางคืน   ตอนแรกก็ลุ้นว่าจะได้เหรอเพราะญี่ปุ่นเค้าเป๊ะมาก  แต่ในที่สุดก็ได้เพิ่มเวลาอีกค่ะ  เย้ๆ พวกเราเลยมีจักรยานปั่นไปกินมื้อเย็น  แต่ครั้งนี้ผู้เขียนขอแบบย่างแทนของสดแล้วค่ะ  เวลากินพวกเรามีความสุขมาก  กินไปหัวเราะไปเจริญอาหารแบบไม่รู้ตัว  เมื่อกินเสร็จพวกเราก็ได้บทสรุปว่า ควรมีปารตี้กลางคืนเพื่อจะได้พูดคุยกันเพราะวันรุ่งขึ้นยังไม่ต้องรีบตื่นเพื่อเดินทาง   สุดท้ายเราก็แวะซุปเปอร์มาร์เกต ซึ่งเราเป็นลูกค้ากลุ่มสุดท้าย  เพื่อนผู้ชายบอกต้องหาผลไม้  ซึ่งผลไม้ญี่ปุ่นมีคุณภาพมาก  และที่สะดุดตาผู้เขียนคือเชอร์รี่  ลูกไม่ใหญ่แต่สีแดงสด และคาดว่าจะหวาน  ตามปกติผู้เขียนชอบเชอร์รี่อยู่แล้ว  งานนี้ไม่พลาดซื้อมาหลายกล่อง เนื่องจากญี่ปุ่นเค้าจะไม่ให้ถุงใส่  ถ้าจะใช้ถุงต้องจ่ายเงินเพิ่ม  งานนี้ไม่ต้องใช้ถุงใช้มือเพื่อนๆ ช่วยกันถือ

คลิกเพื่ออ่านหน้าถัดไป

เราเตรียมซื้ออาหารเช้าไปกินบนรถไฟด้วย เพราะเริ่มเข็ดกับการไม่มีของกินติดมือ คืนนั้นเราจัดปาร์ตี้นม  ผลไม้  มีดื่มเบียร์แทรกเล็กน้อย   สำหรับเชอรรี่นั้น  ผู้เขียนคิดว่าเชอร์รี่เป็นผลไม้ที่เหมาะกับตนเองมาก เนื่องจากอยู่ในช่วงวัยทองและเป็นช่วงที่ต้องเดินทาง  จะมีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย  ซึ่งเชอร์รี่มีใยอาหารสูงจึงช่วยทำให้ขับถ่ายคล่อง แถมยังช่วยลดการดูดซึมไขมันและน้ำตาลเข้ากระแสเลือด จึงช่วยลดไขมันและน้ำตาลในเลือดได้

นอกจากนั้น ช่วงเดินทาง ผู้เขียนเดินเยอะมาก  ย่อมมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ซึ่งเชอร์รี่ช่วยได้ค่ะเพราะเชอร์รี่มีสารโพรแทสเซียมสูง  นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการปวดมื่อยแล้ว เชอร์รี่ยังช่วยลดอาการอักเสบของกล้ามเนื้อและข้อได้    แหมเหมาะจริงๆ  และหากท่านผู้อ่านอยู่ในช่วงวัยทองเหมือนผู้เขียน และหลงลืมบ่อย  สามารถกินเชอร์รี่เพื่อช่วยเพิ่มความจำได้แถมยังช่วยทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น

สรรพคุณที่กล่าวมานั้น เหมาะกับผู้เขียนในช่วงนี้มากจริงๆ เพราะเวลาเดินทางจะพักผ่อนได้น้อย สมองเบลอ เปลี่ยนที่นอนบ่อย หลับยาก  มีอาการใจสั่นจากความเหนื่อยล้า  ดังนั้น ผู้เขียนจึงกินเชอร์รี่  เพราะหวังจะช่วยแก้ปัญหาให้ผู้เขียนได้  ที่สำคัญการกินเชอร์รี่จะช่วยชะลอความแก่ และช่วยเพิ่มคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังสดใส  (คุณหมอใกล้ตัวเคยบอกว่ามีงานวิจัย พบว่าการกินเชอร์รี่สม่ำเสมอ จะช่วยชะลอความแก่ได้ดีมาก)

ดังนั้น เวลาเดินทางถ้าท่านผู้อ่านพบเห็นเชอร์รี่ในราคาที่เอื้อมถึง อย่ารีรอนะคะ รีบซื้อมาเป็นตัวช่วยได้ เพราะเวลาเดินทางจะพักผ่อนน้อย  ทำให้หน้าตาจะไม่สดใส  เชอร์รี่ช่วยถ่ายรูปสวยผิวพรรณเปล่งปลั่ง ขึ้นกล้องค่ะ

ที่สำคัญ เชอร์รี่ช่วยลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งได้และยังช่วยบำรุงสายตา คืนนั้นจบปาร์ตี้ด้วยท้องอิ่ม และคิดว่าจะได้นอนพักเต็มที่ แต่เมื่อดูตารางพรุ่งนี้แล้ว ตายล่ะเหลือเวลานอนไม่เท่าไรแล้วนี่ ต้องรีบเข้านอนอย่างไว สวัสดีค่ะ

ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 434 โดย พญ.ดวงรัตน์ เชี่ยวชาญวิทย์

 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.