อาหารชีวจิต พิชิตมะเร็งเต้านม

เพราะมั่นใจในศักยภาพของตนเองและรู้สึกสนุกกับการทำงานดิฉัน– ทัศนีย์ สกลนุรักษ์ จึงทุ่มเทชีวิตเพื่อการทำงานจนป่วยเป็น มะเร็งเต้านม ซึ่งทำให้ต้องปรับเปลี่ยนชีวิตมาเป็นวิถี ชีวจิต

ดิฉันกระโดดเข้าสู่ความเป็นworking woman ตั้งแต่อายุ 24 ปี และทำงานอย่างหนักตลอดมา นอกจากนี้ยังรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา บ่อยครั้งอาหารที่รับประทานจึงเป็นพวกอาหารกล่องแช่แข็ง และขนมอบกรอบ ขาดการออกกำลังกายและพักผ่อนอย่างเพียงพอ

จุดเปลี่ยนของชีวิต

ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีก่อนหน้านี้ (อายุ 40 ปี) สมัยนั้นยังไม่รู้จักชีวจิต วันหนึ่งดิฉันไปตรวจสุขภาพประจำปี และพบว่ามีเนื้องอกที่รังไข่และมดลูก จึงต้องผ่าตัดรังไข่และมดลูกออก และรับประทานฮอร์โมนเอสโตรเจนแบบเม็ดทุกวัน โดยไม่รู้ว่าจะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม จนกระทั่งอายุ 50 ปี

ตอนนั้นยังไม่รู้จักชีวจิต เท่าไรนัก (แค่เคยได้ยินผ่านหูบ้าง) จึงคิดเอาเองว่า เพราะชอบรับประทานเนื้อวัวเป็นชีวิตจิตใจ จึงอาจเป็นสาเหตุของการป่วยครั้งนี้ ดิฉันจึงเลิกรับประทานเนื้อวัวไป แต่ก็ยังคงขาดการออกกำลังกายและพักผ่อนไม่เพียงพออยู่เหมือนเดิม

จนเมื่อประมาณ 3-4 ปีให้หลัง ดิฉันไปตรวจสุขภาพประจำปีอีกครั้ง และพบว่าเป็นมะเร็งที่เต้านมในระยะที่ 2 ต้องเข้ารับการรักษาโดยการตัดก้อนเนื้อมะเร็งเต้านมออกไป อีกทั้งคุณหมอยังบอกว่าถึงแม้จะตัดก้อนเนื้อมะเร็งออกไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าดิฉันจะไม่มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งอื่นๆ ได้อีก

หลังจากวันนั้นดิฉันก็รู้สึกกลัวโรคมะเร็งมากและเริ่มศึกษาถึงวิธีการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมอย่างจริงจัง จนกระทั่งวันหนึ่งมีเพื่อนร่วมงาน นำหนังสืองานศพของคุณแม่เพื่อนที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งมาให้อ่าน ซึ่งเป็นบทความของอาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต เกี่ยวกับการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคมะเร็ง ดิฉันรู้สึกสนใจมาก โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “you are what you eat” และเมื่อได้อ่านแล้วก็ทำให้วิถีการกินของดิฉันเปลี่ยนไป

ก้าวสู่ชีวิตแบบชีวจิต

มาดูเมนูอาหารชีวจิตแต่ละมื้อใน 1 วันของดิฉันกันไหมคะว่ามีอะไรบ้าง

มื้อเช้า – ดิฉันจะดื่มน้ำอาร์ซีแบบชีวจิตเป็นอย่างแรกในทุก ๆ เช้า ตามด้วยน้ำผลไม้คั้นที่คั้นเองสด ๆ จากเครื่องคั้นน้ำผลไม้แยกกาก ข้าวเช้าของดิฉัน จะเป็นข้าว(กล้อง)ต้ม รับประทานกับผัดผักสัก 1 อย่างที่สับเปลี่ยนกันเพื่อไม่ให้จำเจ เช่น ผัดผักตำลึง ผัดผักบุ้ง ผัดผักแม้ว ผัดผักหวาน หรือผัดผักกาดขาว เป็นต้นบวกกับปลาทอดอีก 1 ตัว เช่นปลาสำลีหรือปลาแซลมอน

ตบท้ายมื้อเช้าด้วยผลไม้สดตามฤดูกาลที่จะต้องมีติดตู้เย็นไว้ประจำ โดยผลไม้ที่รับประทานนั้นจะต้องเลือกแบที่ชีวจิตแนะนำ คือที่มีน้ำตาลน้อย เช่น องุ่น ส้ม ชมพู่ ฝรั่งและแอ๊ปเปิ้ล เป็นต้น แม้ว่าจะต้องเร่งรีบไปทำงานแค่ไหน ดิฉันก็ไม่ละเลยที่จะรับประทานอาหารมื้อเช้าค่ะ

มื้อกลางวัน – มื้อกลางวันเป็นมื้อที่ดิฉันจะต้องไปรับประทานที่ทำงาน ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่สามารถหารับประทานอาหารชีวจิตได้ง่ายนัก ดิฉันจึงต้องเตรียมอาหารกลางวันไว้ตั้งแต่ตอนเช้าและใส่ปิ่นโตไปรับประทานที่ทำงาน โดยอาหารที่รับประทานก็จะเป็นข้าวกล้องสวยกับปลาทอด หรือปลาราดซอส ในบางครั้งก็จะเปลี่ยนเป็นก๋วยเตี๋ยวหรือผัดหมี่แบบชีวจิตบ้าง แต่ก็ไม่ลืมที่จะต้องมีน้ำผลไม้คั้นกับผลไม้สดไปรับประทานด้วยเสมอ

แน่นอนว่าเวลาไปรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อนร่วมงานนั้น ย่อมมีความรู้สึกว่าอาหารที่เพื่อนๆ รับประทานนั้นช่างน่ารับประทานเสียเหลือเกิน อาจจะมีบ้างที่ทำให้รู้สึกอึดอัดกับการจำกัดการรับประทานอาหารของตัวเอง แต่เมื่อคิดถึงความสุขที่จะได้รับเมื่อมีสุขภาพร่างกายที่ดีแล้วนั้น ดิฉันกลับรู้สึกว่ามีความสุขทุกครั้งที่ได้ดูสุขภาพของตัวเองให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งเต้านม ที่เคเยเป็น

มื้อเย็น – จากที่ปกติมักนั่งทำงานหามรุ่งหามค่ำอยู่ที่ทำงาน และรับประทานอาหารเย็นในช่วง 4 -5 ทุ่มเสมอ ดิฉันได้เปลี่ยนตามที่ชีวจิตแนะนำมารับประทานอาหารเย็นก่อนเวลา 6 โมงเย็นพร้อมๆ กับครอบครัว โดยในมื้อเย็นนี้ดิฉันจะรับประทานให้น้อยกว่ามื้ออื่นๆ ครึ่งหนึ่ง เพราะหลังจากอาหารมื้อเย็นก็จะเป็นช่วงเวลาพักผ่อนที่ไม่จำเป็นต้องได้รับพลังงานที่มากเกินไป

สำหรับอาหารที่รับประทานในมื้อเย็นนั้นจะเป็น ข้าว(กล้อง)สวย กับปลานึ่ง แกงส้มผักรวม หรือบางครั้งก็จะเป็นผักต้มกับน้ำพริก บ้างก็เป็นซุปเต้าหู้ (ซุปมิโซะ) กับสลัดผัก และไม่ลืมที่จะต้องมีน้ำผลไม้คั้นกับผลไม้สดปิดท้ายมื้ออาหารด้วย

สุขภาพชีวจิตที่เลือกเอง

หลังจากหันกลับมาดูแลสุขภาพตัวเองอย่างจริงจังทั้งจากโดยการรับประทานอาหารชีวจิต ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันและพักผ่อนอย่างเพียงพอประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน มาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ดิฉันก็ได้พบกับความเปลี่ยนแปลงอย่างน่าอัศจรรย์ทั้งสุขภาพกายใจ

ตั้งแต่เดือนแรกดิฉันก็พบว่า ระบบขับถ่ายดีขึ้นมาก ผิวพรรณสดใสขึ้น เปล่งปลั่งยิ่งกว่าเมื่อ 10 ปีก่อน จนเพื่อนๆ อดที่จะทักไม่ได้ เข้าสู่เดือนที่ 3 ดิฉันก็รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น ไม่เหนื่อยง่ายหรือรู้สึกอ่อนล้าเหมือนเมื่อก่อน โดยเฉพาะช่วงที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ทั้งๆ ที่อายุมากขึ้น

จนเมื่อดูแลสุขภาพตัวเองอย่างจริงจังมาเป็นเวลา 1 ปี ดิฉันจึงไปตรวจสุขภาพประจำปี และพบว่าไม่มีการก่อตัวของเซลล์มะเร็งเต้านม และที่อื่นๆ รวมทั้งไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาย่ำกรายอีกเลย

ดิฉันคิดว่าการป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมนั้น ไม่ได้ถือเป็นความโชคร้ายแต่เพียงด้านเดียว แต่ยังถือเป็นความโชคดีเพราะทำให้ดิฉันได้หันกลับมาดูแลสุขภาพของตัวเองตามเนวทางชีวจิตด้วย

ขอเชิญชวนทุกคนมาปฏิบัติภารกิจ พิชิตมะเร็งเต้านม ด้วยชีวจิตกันนะคะ

ข้อมูลเรื่อง ” ทุกมื้อด้วยชีวจิต ภารกิจพิชิต มะเร็ง ” จากนิตยสาร ชีวจิต ฉบับที่ ……

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.