เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้อย่างไร ทั้งๆที่กินแต่ผัก
เมื่อได้ยินว่ามีผู้ป่วยรายหนึ่ง เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ จากการกินมังสวิรัติ ทีมงาน ชีวจิต ไม่รอช้ารีบเข้าไปไขข้อข้องใจว่า กินแต่ผัก ยังเป็นมะเร็งได้จริงหรือ
เรื่องราวของสาวผู้ป่วยมะเร็ง
คุณใจ-จิตตากานต์ (อายุ39 ปี) วางมือจากการพับริบบิ้นเป็นรูปต่างๆเพื่อสร้างสมาธิลดความว้าวุ่น เริ่มต้นเล่าเรื่องราว “ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว มีคุณยายกับคุณแม่ที่มีปัญหาเกี่ยวกับมดลูก ดังนั้นตัวเองจึงไม่เคยเฉลียวใจและระมัดระวังปัญหาเรื่องมะเร็งลำไส้เลย
“สำหรับเรื่องอาหาร อยากกินอะไรก็ได้กินตามใจปากตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยมีปัญหาอะไรขับถ่ายเป็นปกติดี จนกระทั่งปี2551 เริ่ม (หัด)
กินมังสวิรัติ และกินมังสวิรัติเต็มตัวหลังคุณพ่อเสียในปีถัดมา ส่วนเมนูโปรดคือ ผักดอง ต้มจับฉ่าย และผัดถั่วงอกค่ะ”
ทว่าแทนที่จะได้คุณค่าจากอาหารมังสวิรัติสดใหม่มาบำรุงร่างกาย เธอกลับต้องพึ่งพาอาหารมังสวิรัติตามร้านค้าและอาหารแช่แข็งถึง 2 ใน 3 มื้อต่อวัน เนื่องด้วยวิถีชีวิตที่บีบรัดเพราะความรับผิดชอบในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศ
แม้ว่ากะหล่ำปลีซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในเมนูมังสวิรัติจะมีสารไอโซทิโอไซยาเนต (Isothiocyanate) ที่มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านและลดโอกาส
เสี่ยงการเป็นมะเร็งลำไส้ แต่ก็เป็นผักที่มีขั้วและใบซ้อนเป็นชั้นๆ ทำให้มักมีสารเคมีตกค้างสูงวัตถุดิบอีกชนิดอย่างถั่วงอกก็เป็นที่รู้กันว่า มัก
ผ่านการแช่สารเคมี เพื่อให้เนื้อขาวกรอบน่ากิน เช่นกัน ส่วนกรรมวิธีดองนั้นก็ไม่เป็นมิตรกับสุขภาพเอาเสียเลย เมื่อกินของเหล่านี้ซ้ำๆนาน
วันเข้า ร่างกายของเธอจึงสะสมสารเคมีเหล่านี้เรื่อยมา
รวมวิธีรับมือ 5 มะเร็งผู้หญิง อ่านจบ ทำตามได้จริง
หลังจากรู้ว่า “มะเร็ง” ถามหา
“เมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็งก็ลาออกจากงาน กลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิดในต่างจังหวัด จึงได้เห็นว่า ในพื้นที่ปลูก นอกจากชาวสวนจะใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมีต่างๆแล้ว เมื่อเก็บผลผลิตเสร็จ ยังมีการนำพืชผลเหล่านั้นมาแช่ฟอร์มาลินด้วย เพื่อให้ผักดูสดน่ากินไปนานๆ ซึ่งสารเหล่านี้บางครั้งแม้จะล้างด้วยด่างทับทิม แต่อาจออกไม่หมดด้วยซ้ำ ต้องใช้เบกกิ้งโซดาล้างผ่านน้ำสะอาดหลายๆครั้ง ร้านอาหารโดยมากคงไม่ได้คำนึงถึงจุดนี้เหมือนปรุงเอง”
นอกจากนี้ เรายังสังเกตเห็นว่า แม้จะกินมังสวิรัติ แต่คุณใจกลับมีรูปร่างค่อนข้างอวบ ต่างจากผู้ที่นิยมกินผักโดยส่วนใหญ่
“อาจเป็นเพราะฉันไม่เคยได้ออกกำลังกายเลย แค่กลับมาจากทำงานก็รู้สึกเพลีย หมดแรงแล้ว” เธอตอบ
เครียด + ไม่ออกกำลังกาย ปัจจัยเสริมก่อโรค
เมื่อซักลึกลงในรายละเอียดพบว่า สาเหตุที่เธอไม่ได้ออกกำลังกาย นอกจากจะเป็นเพราะเธอเองไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการออกกำลังกายแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากความเครียดและความกดดันจากงานที่ทำด้วย
“เมื่อก่อนคิดเอาเองว่าแค่วิ่งขึ้นลงรถเมล์ก็เท่ากับออกกำลังกายแล้ว แต่ความเป็นจริงพอถึงที่ทำงานก็นั่งอยู่แต่ที่โต๊ะทั้งวันไม่ได้ใช้แรงกาย แต่ที่เราเหนื่อย คงเพราะความเครียดและความทุ่มเทที่มีต่องานต่างหาก ซึ่งคงจะส่งผลให้เป็นมะเร็งด้วย”
แต่ทว่าความเครียดของเธอไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องงานอย่างเดียว
“จริงๆความเครียดน่าจะเกิดจากทั้งเรื่องชีวิตคู่และเรื่องงานผสมกัน คือเมื่อแยกกับสามี เรารู้สึกว่าต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้นเลยโหมงานตลอด บ่อยครั้งที่กลับบ้านดึกดื่นทำให้ไม่รู้สึกอยากทำอะไร”
จากเรื่องราวทั้งหมดจึงสรุปได้ว่า นิสัยกินไม่เลือกในวัยเด็กการละเลยการออกกำลัง และการปล่อยให้ความเครียดเข้าครอบงำ ล้วนเป็นการก่อร่างสร้างทางสู่การเป็นมะเร็งทิ้งสิ้นและเมื่อเจอตัวกระตุ้นอย่างสารเคมีตกค้างในอาหาร คุณใจจึงป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้โดยไม่อาจหลีกเลี่ยง
เพราะฉะนั้นอย่ารอช้า ดูแลสุขภาพกายใจและความสะอาดปลอดภัยของอาหารอยู่เสมอนะคะ
หากสนใจสารพัดเรื่องเกี่ยวกับลำไส้ ขอเชิญผู้อ่านไปเจอกันที่งาน
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เตือนนิสัยกินบุฟเฟ่ต์-หมูกระทะ เสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
ANTI CANCER FOODS กินต้านมะเร็งลำไส้ใหญ่
ประสบการณ์สุขภาพ สู้อาการแพ้เคมีบำบัด มะเร็งลำไส้ใหญ่ เยียวยาด้วยน้ำอาร์ซี
รวมวิธีรับมือ 5 มะเร็งผู้หญิง อ่านจบ ทำตามได้จริง