ป้องกันภูมิแพ้ ด้วยวิธีง่ายๆ เมนูกิน 1 วันและว่ายน้ำต้านโรค
ป้องกันภูมิแพ้ ต้องทำอย่างไร โรคภูมิแพ้เป็น “กลุ่มของโรค” ที่มีสาเหตุมาจากระบบภูมิต้านทานของร่างกายทําปฏิกิริยาผิดปกติ คือ ทํางานมากไปเมื่อสัมผัสกับสารที่พบอยู่ตามธรรมชาติ โดยไปเห็นว่าสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติบางอย่าง เช่น ฝุ่น ตัวไรฝุ่นละอองเกสร เชื้อรา อาหารบางชนิด ฯลฯ เป็นศัตรู จึงสร้างภูมิต้านทานชนิดที่เรียกว่า ไอจีอี(IgE) ขึ้นเอาไว้คอยเล่นงานสารธรรมชาติดังกล่าว เมื่อร่างกายได้รับสารตัวนั้นอีกครั้ง ภูมิต้านทานไอจีอีที่สร้างรอเอาไว้จะเข้ามาทําปฏิกิริยาด้วยทันที ทําให้เกิดอาการต่างๆ ของโรคขึ้น
Did you know? โรคภูมิแพ้มี 4 ชนิด
จากข้อมูลของสาขาวิชาโรคจมูกและโรคภูมิแพ้ ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สามารถจําแนกโรคภูมิแพ้ออกเป็นชนิดต่างๆ ได้ดังนี้
1.โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้(Allergic Rhinitis) พบผู้ป่วยร้อยละ 23-30
2.โรคหลอดลมอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคหืด(Asthma) พบผู้ป่วยร้อยละ 10-15
3. โรคผื่นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้(Atopic Dermatitis) พบผู้ป่วยร้อยละ 15
4. โรคแพ้อาหาร(Food Allergy) พบผู้ป่วยร้อยละ 5
Daily Meal Plan ฟิตภูมิคุ้มกันอย่างง่ายใน 1 วัน
สําหรับใครที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ เอสแอลอี หรืออยากเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น คุณเอกหทัย แซ่เตีย หัวหน้านักวิชาการอาหารและโภชนาการ โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ แนะนําโปรแกรมการกินง่ายๆ ใน 1 วัน ดังนี้
มื้อเช้า: น้ําเต้าหู้ธัญพืชใส่เมล็ดเจีย 1 ถ้วย + ผลไม้รวม 1 จานเล็ก
Tip
มื้อเช้ามักเร่งด่วน อาจลองใช้น้ําเต้าหู้ผสมเมล็ดทานตะวัน อัลมอนด์สไลด์ ลูกเกด หรือแครนเบอร์รี่อบแห้งและเมล็ดเจีย ก็จะช่วยให้มื้อนี้ได้รับทั้งกรดแอมิโนอาร์จินีน โอเมก้า-3 ไบโอฟลาโวนอยด์ และใยอาหารแบบเต็มพลัง
มื้อกลางวัน: โกยซีหมี่เต้าหู้ 1 จาน
ของว่างยามบ่าย: โยเกิร์ตถั่วเหลือง 1 ถ้วย
Tip
ในโยเกิร์ตมีจุลินทรีย์สุขภาพ ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้กับทางเดินอาหารได้เป็นอย่างดี ที่สําคัญ ยังช่วย
ให้ร่างกายตอบสนองต่อวัคซีนไข้หวัดและลดความรุนแรงของ
การติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจในผู้สูงอายุได้อีกด้วย
มื้อเย็น: ข้าวกล้อง+ผักโขมราดซอสงาขาว+เต้าหู้น้ําแดง(เต้าหู้ทรงเครื่อง)
Tip
ผักโขมเป็นอาหารที่มีกรดแอมิโนอาร์จินีนสูงที่สุด มีบทบาทสําคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพเซลล์ระบบภูมิคุ้มกัน และยังสามารถเพิ่มการสะสมของเนื้อเยื่อคอลลาเจน ช่วย
ให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทํางานอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และทําให้แผลหายเร็วขึ้น
ออกกําลังกาย ปราบภูมิแพ้
อาจารย์สาทิส อินทรกําแหง กูรูต้นตํารับชีวจิตถือว่าการออกกําลังกายเป็นหนึ่งในหลัก 5 เล็ก (กิน นอน พักผ่อน ออกกําลังกาย และทํางานอย่างสมดุล) ที่สามารถเสริมภูมิชีวิตให้แข็งแรง ซึ่งจะช่วยเยียวยาโรคพ่วงจากภูมิแพ้ได้ ทั้งนี้การออกกําลังกายส่งผลต่อร่างกายหลายด้าน ทั้งด้านที่ดีและด้านที่ควรระวัง การออกกําลังกายอย่างหักโหมนานเกิน 90 นาที ร่างกายจะปล่อยฮอร์โมนเครียดไปกดระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอีกเป็นเวลาหลายชั่วโมง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้บางคนอาจเป็นโรคเกี่ยวกับไขข้อด้วย ดังนั้นเมื่อออกกําลังกายอย่างหักโหมอาจรู้สึกเจ็บไขข้อ จึงควรออกกําลังกายอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเลือกชนิดกีฬาที่เหมาะกับแต่ละบุคคลจึงจะเกิดประโยชน์
ว่ายน้ํา ขจัดหอบหืด แพ้อากาศ
พันตํารวจเอกนายแพทย์พิพัฒน์ ชูวรเวช และพันตํารวจเอกแพทย์หญิงนพมาศ ชูวรเวช ได้กล่าวไว้ในหนังสือรู้เรื่อง โรคภูมิแพ้ ป้องกันได้ รักษาหาย ว่า “สาเหตุที่กีฬาว่ายน้ําเหมาะสําหรับผู้ป่วยหอบหืดที่สุด ทั้งที่เป็นกีฬาที่ต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลานั้น เป็นเพราะความชื้นจากการระเหยและแรงหนุนจากน้ําในสระทําให้ไม่เกิดอาการหลอดลมหดเกร็งในผู้ป่วยหอบหืด”
นอกจากนี้ การฝึกหายใจใต้น้ําและการกลั้นหายใจก็เป็นการช่วยให้ลมหายใจยาวขึ้น ออกซิเจนจึงเข้าสู่ปอดได้มากขึ้น มีผลให้ระบบหมุนเวียนโลหิตดี ส่งผลให้ภูมิชีวิตดี และมีอาการแพ้น้อยลงตามไปด้วย
ท่าแนะนํา: ท่ากบ
นอกจากช่วยในการขยายปอดแล้ว ยังเป็นท่าที่มีความเสี่ยงต่ําที่จะทําให้น้ําเข้าจมูก แถมยังช่วยฝึกควบคุมการหายใจให้มีระเบียบได้อีกด้วย
ข้อควรระวัง: ควรเลือกว่ายน้ําในสระเกลือ แทนสระว่ายน้ําที่ผสมสารคลอรีน เพื่อหลีกเลี่ยงอาการแสบ ระคายเคืองจมูก ทั้งนี้ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงอรพรรณ โพชนุกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้ในเด็ก โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และผู้ช่วยเลขานุการสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย แนะนําผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้และโรคหืดให้ออกกําลังกายอย่างน้อยที่สุดสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาที ก็จะช่วยให้อาการดีขึ้น
บทความอื่นที่น่าสนใจ
